วันอาทิตย์ที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2553

พระพิราพ

พระพิราพ
ทิ้งช่วงไปนานหลังจากบทความที่แล้วได้นำเสนอขั้นตอนการ
ทำพิมพ์ยางซิลิโคนพระพิราพอย่างง่ายๆไปแล้ว
ทีนี้ก็ข้ามมาถึงตอนที่หล่อขัดแต่งเรียบร้อยและทำสีแล้ว
ก็จะได้อย่างที่เห็นในรูปภาพพระพิราพสีทองครับ
พระพิราพ
บริเวณฐานด้านหลังจะมีตัวเลขไทยอยู่
ซึ่งตัวเลขนี้ผมจะเขียนมือสดๆ
จากหมายเลข ๑-๙๙
ซึ่งเป็นจำนวนในการสร้างพระพิราพชุดนี้
ส่วนใครที่สนใจเลขสวยหรือเลขถูกโฉลก
ก็คงต้องรีบโทรไปจองที่
โทร. 02-448-2986
วัดบางกร่าง นนทบุรี ครับ
อยู่ถนน บางกรวย-ไทรน้อย นี่เอง
อื่นๆก็
http://www.arts-108.blogspot.com

http://www.art-86.blogspot.com

...

วันอังคารที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2553

การทำแม่พิมพ์พระพิราพ

การทำแม่พิมพ์พระพิราพ
ต่อจากบทความตอนที่แล้วครับ
เมื่อได้แม่พิมพ์ครึ่งแรกแล้ว
ครึ่งหลังก็ทำในลักษญะเดียวกัน
แต่ที่ลืมไม่ได้คือเราไม่ต้องการให้ยางติดเป็นเนื้อเดียวกัน
แต่ต้องการให้แนบสนิทชิดกันก็ด้วยวิธีต่อไปนี้ครับ
ใช้สปรย์พ่น ทาวาสลีน น้ำสบู่ ฯลฯ

การทำแม่พิมพ์พระพิราพ

จากนั้นก็เริ่มขั้นตอนเหมือนในครึ่งแรกเลยครับ
มาจบลงตรงครอบปูนปลาสเตอร์
การทำแม่พิมพ์พระพิราพ
จากนั้นก็แกะพิมพ์ออกจากกัน ต้ดแต่งพิมพ์
ให้เรียบร้อยก็เป็นอันเสร็จขั้นตอน
การทำแม่พิมพ์ยางซิลิโคน
รูปพระพิราพลอยตัว
การทำแม่พิมพ์พระพิราพ
หลังจากนี้ไปก็จะเป็นขั้นตอนของการหล่อแล้วครับ
ที่ผ่านมานั้นเป็นขั้นตอนการทำงานอย่างคร่าวๆและง่ายๆ
ส่วนปัญหาที่เกิดในระหว่างการทำแม่พิมพ์นั้น
มีแน่นอนแต่ก็ต้องแก้ทีละอย่าง
ต้นแบบดีแค่ไหนถ้าทำพิมพ์ไม่ดี งานก็ออกมาไม่ดี
แม่พิมพ์ไม่ดี หล่อเก่งแค่ไหนงานก็ออกมาไม่ได้เรื่อง
แม่พิมพ์ดีแค่ไหนคนหล่อไม่ได้เรื่องมันก็ ..............ไปตามเรื่อง
...........
ส่วนงานพระพิราพที่เห็นนี้
จะดำเนินต่อไปอย่างไรก็ติดตามได้จาก
และ
ครับ
สว้สดี
......



การทำแม่พิมพ์พระพิราพ

พระพิราพ
การทำแม่พิมพ์พระพิราพ
วันนี้มีโอกาสดีครับที่จะนำเสนอ
การทำแม่พิมพ์ยางซิลิโคนสำหรับหล่อ
อย่างง่ายๆพอเป็นพื้นฐาน
ในการทำแม่พิมพ์ครั้งนี้ ผมเลือกยางซิลิโคน
ถอดงานลอยตัวรูปพระพิราพ
ซึ่งจะต่างจากแม่พิมพ์พระพิราพและพระพิฆเนศวรองค์ใหญ่
ที่ผ่านมานั้นผมเลือกใช้แม่พิมพ์ยางพารา
แต่สำหรับงานนี้ต้องการความละเอียดสูง
ยางซิลิโคนจึงเป็นคำตอบที่ดีที่สุด
.........
อันดับแรกเลยที่ต้องดูคือแนวตะเข็บที่เราต้องแบ่งเป็น 2 ส่วน
และต้นแบบของเราทำด้วยอะไร
ที่เห็นนั้นเป็นปูนปลาสเตอร์แต่ลวดลายนั้นเป็นขี้ผึ้ง
การทำแม่พิมพ์พระพิราพ
เมื่อกำหนดแนวตะเข็บได้แล้วก็กั้นตะเข็บ แบ่งพิมพ์
ตามที่เห็นนะครับ ร่องรอยที่เห็นนั้นก็เปรียบเหมือนเดือยล็อก
ไม่ให้ยางเคลื่อนออกจากกันเวลาหล่อ
ส่วนขอบด้านข้างมีไว้กันยางไหลออกเท่านั้นเอง


การทำแม่พิมพ์พระพิราพ
จากนั้นก็ผสมยางซิลิโคนและตัวทำแข็ง
ตามอัตราส่วนที่พอเหมาะให้เข้ากัน
แล้วจึงเท ราดลงไปที่ชิ้นงานครับ
ใช้ภู่กันทายางซิลิโคนให้ทั่วทุกลายละเอียดของงาน
หรืออาจจะใช้ลมอัดก็ได้ครับ
แต่ระวังว่าลายที่ติดนั้นเป็นขี้ผึ้ง
ทาแรงหรืออัดลมแร็งเกินไปอาจทำให้ลายหลุดได้
หลังจากยางซิลิโคนแห้งแล้วก็ทำซ้ำอีก 1-2 เที่ยว

การทำแม่พิมพ์พระพิราพ
หลังจากทายางซิลิโคนเที่ยวที่2-3แล้วก็ปูทับด้วยผ้าขาวบาง
เพื่อช่วยให้ยางเหนียวทนต่อแรงดึง
ขั้นตอนปูผ้านี้จะทำ 1-2 รอบก็ได้ตามความเหมาะสม
แต่ทุกครั้งต้องรอให้ยางซิลิโคนแต่ละชั้นแห้งก่อน

การทำแม่พิมพ์พระพิราพ
เที่ยวสุดท้ายไม่ต้องปูผ้าแล้วครับแต่ให้ตัดยางซิลิโคนเป็นชิ้นๆ
วางรอบๆขอบงานเพื่อเป็นเดือยล็อกไม่ให้พิมพ์ยางเคลื่อน
ออกจากพิมพ์ครอบ
การทำแม่พิมพ์พระพิราพ
หลังจากนั้นก็ผสมปูนปลาสเตอร์ครอบทับยางซิลิโคนอีกที
เป็นอันเสร็จการทำแม่พิมพ์ยางซิลิโคนครึ่งแรก
ส่วนอีกครึ่งหลังจะมาในเร็ววันนี้แหละครับ
.........





วันศุกร์ที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2553

มาทำเครื่องรางใช้กันดีกว่า(พระพิราพ)

มาทำเครื่องรางใช้กันดีกว่า(พระพิราพ)
วันนี้มาแปลก
ก็อย่างที่จั่วหัวนะครับ
คือทำใช้เองและใส่ซองเป็นที่ระลึกให้กับผู้ที่ร่วมสร้างพระพุทธรูป
ประมาณว่าใส่ซองของชำร่ายวันเกิดหรืองานแต่งงาน
ไม่ทำขายและไม่ว่าถ้าใครจะทำขาย
งานผมส่วนมากจะถูกก็อปปี้อยู่แล้วถือเป็นการให้เกียรติครับ
มาทำเครื่องรางใช้กันดีกว่า(พระพิราพ)
ผลก็มาจากการที่ได้มีโอกาสปั้นพระพิราพและสร้างพระพิราพ
ถวายวัดบางกร่าง นนทบุรีครับ
หน้าพระพิราพที่เห็นก็เป็นส่วนหนึ่งในลายละเอียดเครื่องทรง
ของพระพิราพอยู่แล้ว หลังจากเสร็จงานผมก็ทำไว้ใช้เอง
และแจกไปแล้วชุดหนึ่งจำนวนน้อยนิด
และที่เห็นนั้นก็เป็นพระพิราพอันที่ผมใช้แขวนอยู่ทุกวัน
มาทำเครื่องรางใช้กันดีกว่า(พระพิราพ)
แต่อันที่ผมแขวนอยู่นั้นจะแตกต่างจากที่ทำแจกก็คือ
มีพ่อแก่อยู่ด้านหลังและมีการลงสีด้วยครับแต่พ่อแก่นั้นผมไม่ได้ปั้นเอง
แต่เป็นของอาจารย์ท่านหนึ่งที่ผมแอบเคารพศรัทธาท่านอยู่เงียบๆ
แล้วไปขอมาจากลูกศิษย์ท่านอีกที
พอดีครับขนาดเข้ากันพอดี
ยิ่งผงที่ผสมลงไปหรือที่เรียกว่ามวลสารนั้นยิ่งไม่ธรรมดา
การปิดทองเขียนสีก็เขียนเองครับ
จึงไม่อาจสวยสดงดงามเท่ากับมืออาชีพ
แต่ไม่เป็นไรครับ พึ่งพาคนอื่นให้น้อยที่สุดเป็นดี
และที่สำคัญถ้ารู้ว่าอาจารย์ผมเป็นใคร
ใครทำพิธีให้ เข้าพิธีที่ไหน กี่ครั้งแล้ว
ก็คงจะทำให้หลายคนสบายใจ อยากได้บ้าง
(ถ้าอยากรู้จริงๆก็ถามเป็นการส่วนตัวครับ)
.............
เรื่องนี้ไม่ใช่ความคิดครั้งแรก
เมื่อก่อนเคยคิดที่จะเอาของจำพวกแก่นไม้นามมงคลต่างๆ
มาแกะเป็นพระพุทธรูปแล้วด้านหลังจะบรรจุพระคาถาชินบัญชรลงไป
ก็มาบังเอิญว่าได้ไปวัดอินทร์บางขุนพรหม
ก็พอดีเขามีรุ่นนี้เปิดให้จองพอดี
ก็ถือว่าโชคดีไปได้สมอยากครับ
ความเคลื่อนไหวอื่นๆก็
หรือ
..........

วันอังคารที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

วัดบางกร่าง นนทบุรี

พระพิราพ ณ วัดบางกร่าง นนทบุรี

พระพิราพ ณ วัดบางกร่าง นนทบุรี



พระพิราพ ณ วัดบางกร่าง นนทบุรี



วัดบางกร่าง นนทบุรี
18 ก.ค. 2553


พิธีเจริญพระพุทธมนต์คาถาบังไพรเที่ยงวันถึงเที่ยงคืน
และพิธีจุดเทียนมงคลประจำตัวบูชาพระรัตนตรัย





พิธีเจริญพระพุทธมนต์คาถาบังไพรเที่ยงวันถึงเที่ยงคืน
และพิธีจุดเทียนมงคลประจำตัวบูชาพระรัตนตรัย

ณ วัดบางกร่าง นนทบุรี


วัดบางกร่าง นนทบุรี
หลวงปู่สรวง สิริปุญโญ วัดป่าศรีฐานใน อ.ป่าติ้ว จ.ยโสธร

นั่งปรกอธิษฐานจิตและประพรมน้ำมนต์ภายในงานพิธีครั้งนี้
..........

หลายท่านสงสัยว่า

แล้วเกี่ยวกับพระพิราพตรงไหน

ก็ขอตอบว่า

ผมได้มีโอกาสปั้นพระพิราพองค์หนึ่งเมื่อไม่นานมานี้

แต่สภาพแม่พิมพ์ยังอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์มาก

ก็เลยขอท่านที่เป็นเจ้าของแบบ ว่าอยากจะขอหล่อ

เพิ่มสักองค์เพื่อถวายวัดให้คนกราบไหว้บูชา

หลังจากเจ้าของงานตอบตกลง

ก็รีบจัดการหล่อขัดแต่งทำสี ตามกำลังที่พอจะทำได้

และก็บังเอิญว่าที่วัดบางกร่างมีงานมงคลพอดี

อีกทั้งเราเองก็ฝากตัวเป็นศิษย์วัดนี้แล้ว

ก็เลยลงตัวในวัน อาทิตย์ที่ 18 ก.ค. 2553

ส่วนท่านที่สนใจก็เชิญครับ

วัดแห่งนี้เป็นวัดเล็กๆ แต่มีดีอยู่แน่นวัดเลยครับ

เว็บไซส์ของวัดบางกร่าง คือ

http://www.wat-bk.com/

.......

แล้ววันหล้งผมจะนำเรื่องราว กิจกรรมต่างๆ

ของทางวัดมานำเสนอต่อไป

งานอื่นๆของผมก็



http://www.arts-108.blogspot.com/





หรือไม่ก็





http://www.art-86.blogspot.com/





........



วันอาทิตย์ที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

เพชรตาแมว

เพชรตาแมว
เรื่องมีอยู่ว่าในบรรดาทรัพย์สินที่พ่อแม่มีอยู่นั้น
ถึงเวลาก็จัดสรรปันส่วนกันได้ลงตัว จะมีก็แต่เพชรตาแมวอันนี้เท่านั้น
ที่ยังหาข้อยุติไม่ได้ ว่าใครจะเป็นผู้ครอบครอง
ที่เห็นในภาพนั้นเป็นของที่ถ่ายจากของจริงอันที่ต้องการจะขาย
ที่ผมมีโอกาสได้สัมผัสกับมือมาแล้ว
มีหนึ่งอันแต่ถ่าย 2 ครั้ง อยู่กับผู้เป็นเจ้าของมาไม่น่าจะต่ำกว่า40ปี
ท่านผู้เป็นเจ้าของก็เลยฝากบอกประกาศขายเพื่อ
นำเงินที่ได้ไปจัดสรรกันภายในในครอบครัว
สำหรับท่านที่สนใจก็ต้องนัดล่วงหน้านะครับ
ท่านเจ้าของบอกว่าให้นัดเจอกันที่ธนาคารอันเป็นที่ๆเก็บ
เพชรตาแมวนี้ไว้
ส่วนจะเป็นธนาคารอะไรหรือสาขาไหนนั้นก็
ค่อยว่าอันอีกทีสำหรับผู้ที่สนใจจริงๆเท่านั้น
............
ส่วนการทำมาหากินของผมก็
หรือไม่ก็
ได้ทั้งสองเลยครับ
สว้สดี
......

วันพุธที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2553

รวมภาพพระพิราพ

พระพิราพองค์ที่ 1

พระพิราพองค์ที่ 2

ณ วัดบางกร่าง นนทบุรี
.......

ส่วนด้านล่างนี้เป็นประมวลภาพการทำพระพิราพ

องค์ที่หนึ่พอคร่าวๆครับ






คลิ๊กที่ "play" ได้เลยครับ



ตลอดระยะเวลาเกือบ 3 เดือนที่ทำงานปั้นหล่อองค์พระพิราพอยู่นี้



มีแต่สิ่งดีๆเกิดขึ้นในชีวิตครับอุปสรรคปัญหาต่างๆที่พึงมีพึงเกิดก็ไม่มีไม่เกิด



แม้จะเป็นช่วงที่บ้านเมืองตกอยู่ภายใต้ภาวะความแตกแยกของคนในชาติ



การเข่นฆ่ากันเองของคนในชาติการทำงานชิ้นนี้ก็ราบรื่นด้วยดีจนไม่น่าเชื่อ



มีแต่คนให้ของดีๆมีแต่คนให้ความช่วยเหลือตลอดเวลา



หลังจากที่ส่งมอบงานเสร็จแล้ว



และขอขมาคุณครูบาอาจารย์ที่เราได้กระทำการล่วงเกินท่าน



ตลอดระยะเวลาที่ทำงานปั้นพระพิราพองค์นี้เสร็จแล้ว



ก็มาประมวลภาพลำดับการทำงานขั้นตอนต่างๆเป็นภาพสไลด์



ซึ่งอาจจะไม่ค่อยสมบูรณ์นักก็ต้องขออภัยไว้ก่อนนะครับ



เทคโนโลยีกับผมเป็นของที่เดินขนานกันไป


...........


งานอื่นๆด็ติดตามได้จาก


http://www.arts-108.blogspot.com/



จะเป็นการทำมาหากินหลักๆ ส่วน



http://www.art-86.blogspot.com/



จะเป็นการนำเสนองานที่อยากทำ



ส่วนบล็อกนี้นั้นจะเป็นงานที่มีไว้พล่ามเอามันเข้าว่าครับ



.........

วันเสาร์ที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

ครุฑ

ครุฑ
วันนี้เป็นงานที่แทรกเข้ามาระหว่างงานปั้น องค์พระพิราพ
เป็นงานนูนสูงเกือบลอยตัวครับ
ขนาดก็ประมาณ 11นิ้วฟุต รวมฐาน

ครุฑที่ปั้นสร็จแล้ว ที่เห็นเป็นสีเทาๆ นั้นเกิดจาก
การพ่นสีรองพื้นครับ เพื่อดูความเรียบร้อยของงาน

ครุฑ
ที่เห็นเป็นสีขาวขุ่นๆก็คือยางซิลิโคนครับ
เป็นขั้นตอนของการทำแม่พิมพ์ยาง
ก็ทาจนทั่วชิ้นงานแหละครับกี่ชั้นกี่รอบก็ตามความเหมาะสม
ส่วนสีเขียวๆที่เห็นนั้นก็คือ ดินน้ำมัน ไว้สำหรับกัน
ไม่ให้ยางไหลออกและเพื่อความเรียบร้อยของงาน
เสริมความแข็งแรงของยางซิลิโคน
ก็ใช้ผ้าครับเป็นตัวเสริม
หลังจากยางซิลิโคนแห้งสนิทดีแล้วก็
ครอบด้วยปูนพลาสเตอร์เพื่อกันไม่ให้แม่พิมพ์ยางซิลิโคนบิดตัวจนเสียรูป
ส่วนขั้นตอนต่อจากนี้ คงต้องข้ามไปก่อนครับ
ไว้โอกาสหน้า จะนำเสนอทำเป็นขั้นตอนอย่างละเอียด
อีกทีสำหรับผู้ที่สนใจ
ครุฑ ปิดทองคำเปลว
งานที่สำเร็จแล้วพร้อมส่งครับ
ณ วันที่จะส่งงานต่อเพื่อปิดทองคำเปลวนั้น
ก็มีเหตุการณ์ต่างๆเกิดขึ้นมากมายในบ้านนี้เมืองนี้
ต้องหลบเลี่ยงเส้นทาง หาทางกลับบ้านและเดินงานต่อกันอุตลุต
แต่ทุกอย่างก็ผ่านไปด้วยดีครับ
ระหว่างทางที่นั่งรถอยู่นั้นก็คิดเล่นๆว่า
วันนี้จะต้องกล่อมเพื่อน เพื่อที่จะขอพระเครื่องซักองค์ให้จงได้
ก็ สมหวังครับ หลังจากนัดแนะส่งงานกันเรียบร้อยแล้ว
ก่อนกลับ อยู่ๆเพื่อนแกก็หยิบพระส่งให้องค์หนึ่ง
โดยที่ยังไม่ได้เอ่ยปากขอเลย.........
เป็น สมเด็จปรกโพธิ์ และเหรียญรัชกาลที่ 5 หลังรูปเลิกทาส ครับ
งามมากๆทั้งสอง งานนี้เกินคุ้มครับ
ส่วนงานอื่นก็
หรือไม่ก็
.....................

วันอาทิตย์ที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2553

พระพิราพ


วัน จันทร์ ที่ 5 เมษายน 2553
เป็นวันดีครับ พอดีรับงานปั้นพระพิราพไว้
ก่อนการปั้น การขึ้นรูป ก็เป็นธรรมดาครับที่จะต้องไว้ครูกันก่อน
คนที่มาทำพิธีให้ ก็เป็นอาจารย์ของผมเองครับ
เพราะถ้าไม่ทำอย่างนั้นผมคงไม่กล้าปั้นอย่างแน่นอน
ส่วนรูปแบบและรายละเอียดของพระพิราพ องค์นี้จะเป็นอย่างไรนั้น
ก็คงจะนำมาลงในบล็อก เป็นระยะๆครับ ตามแต่กำลังจะมีพอ
..................

วันศุกร์ที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2553

พ.ต.อ.สมเพียร เอกสมญา

ไว้อาลัย"พ.ต.อ.สมเพียร เอกสมญา"

ด้วยเพลง"บันนังสตา" ของลูกชายผู้มีนามว่า "ชุมพล เอกสมญา"
เมื่อช่วงสิ้นปี 2552 - ต้นปี 2553 มติชนออนไลน์ได้จัดอันดับ "6 เพลงไทยแห่งปี"

และหนึ่งในนั้นก็มีเพลง "บันนังสตา"

โดย "ไวล์ด ซี้ด" หรือ "ชุมพล เอกสมญา" รวมอยู่ด้วย
อย่างไรก็ตาม มติชนออนไลน์ตัดสินใจนำเพลง "บันนังสตา"

ของชุมพลมาเผยแพร่อีกครั้งในวันที่ 12 มีนาคม 2553

หลังจากที่มีข่าวว่า พ.ต.อ.สมเพียร เอกสมญา ผู้กำกับ สภ.บันนังสตา จ.ยะลา

ซึ่งเคยทำเรื่องร้องเรียนต่อนายกรัฐมนตรี

เพื่อขอย้ายออกนอกพื้นที่เพราะหวังจะใช้ชีวิตราชการอีก 1 ปี

ที่เหลืออย่างปลอดภัย แต่กลับไม่ได้รับการตอบสนอง

ประสบเหตุถูกลอบวางระเบิดจนได้รับบาดเจ็บสาหัสและ

เสียชีวิตในเวลาต่อมา
"ชุมพล เอกสมญา" เล่าเรื่องราวไว้ในบทเพลงว่า

อำเภอบันนังสตาคือบ้านเกิดของเขา ที่สำคัญยิ่งกว่านั้นก็คือ

ชุมพลเป็นลูกชายที่สืบสายเลือดมาจาก "สมเพียร เอกสมญา"

พ่อลูกคู่นี้ต่างเป็นตัวแทนของคนที่มีความผูกพัน

ข้องเกี่ยวกับความรุนแรงในพื้นที่เหมือนกัน

คนหนึ่งเป็นเจ้าหน้าที่รัฐซึ่งทำงานในพื้นที่ชายแดนใต้

มาอย่างยาวนานจนต้องเสียชีวิตในหน้าที่

ส่วนอีกคนก็เป็นชายหนุ่มที่เติบโตมาในพื้นที่ดังกล่าว

และพยายามสะท้อนอารมณ์ความรู้สึกซึ่งปฏิเสธความรุนแรง

ออกมาในบทเพลงของตนเอง
ขอไว้อาลัย พ.ต.อ.สมเพียร เอกสมญา

ด้วยบทเพลงชื่อบันนังสตาโดยลูกชายของเขา

ชุมพล เอกสมญา มา ณ ที่นี้

(เนื้อหาและเพลงดังกล่าว มาจาก

มติชนออนไลด์ วันที่ 12 มี.ค. 2553)

วันจันทร์ที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2553

แท็ก ธรรมดา และกัลยาณมิตร



เช้าวันเสาร์ที่ 20 กพ. 2553 ตื่นแต่เช้าตรู่
ด้วยความรู้สึกที่อยากจะทำงานที่ยังคั่งค้างอยู่ให้แล้วเสร็จ
เพราะวันนี้จะเดินทางไกลห้าร้อยกว่ากิโลฯเพื่อจะนำพระไปถวายวัด
ตามที่ได้ตั้งใจไว้
แต่ก็บังเอิญว่ารถตู้ที่เช่าไว้นั้นเกิด สตาร์ทไม่ติดมาดื้อๆ
ทั้งๆที่รถคันนั้นก็ใช้เดินทางอยู่ทุกว้น
งานเข้าแต่เช้าเลยครับ...........
คนสิบกว่าคน พระอีก 2 ไหนจะของที่เตรียมไปถวายวัดอีก
จะทำไงกันดี ก็โชคดีครับ ที่มีคนให้รถกระบะมาอีก 1 คัน
ก็เลยรอดตัวมาได้อย่างไม่ลำบากมากนัก
ทางผ่านก็ต้องผ่านวัดสมเด็จโตองค์ใหญ่
ติดริมแม่น้ำเจ้าพระยา ก็เลยแวะสักการะ เป็นปรกติของผมอยู่แล้ว
ถ้ามีโอกาส

พอมาถึง อ. สีคิ้ว โคราชบ้านเอง
ก็ขาดไม่ได้ครับที่ต้องแวะวัดหลวงพ่อโตแห่งนี้
ทุกครั้งที่มีโอกาส ก็สวยงาม อลังกาล ครับ
คนศรัทธาสมเด็จโตองค์นี้มากจริงๆ
.............
กว่าจะถึงจุดหมายปลายทางก็
5 โมงเย็นครับ
...........มารู้สึกประทับใจก็ตอนที่จะเอาพระขึ้นไปพักไว้บนบ้านครับ
แม่บอกว่ายังก่อนต้องหาขันดอกไม้ธูปเทียนเชิญท่านขึ้นบ้านก่อน
ถึงตอนนี้ก็เริ่มตื้นๆที่หน้าอกมองดูคนแก่ผู้เป็น พ่อ-แม่
กับกิริยาอาการของการกราบพระอันเชิญพระขึ้นบ้านนั้น
มันช่างเป็นอาการที่เป็นชาวบ้านมาก นบนอบ หมอบกราบ พร่ำบ่น
บอกเทวดาฟ้าดิน ปู่ย่า ตา ยาย ผีบ้านผีเรือน
จากนั้นก็หาอาหารมาเลี้ยงแขกที่เดินทางมาไกลจาก กทม.
และบางส่วนก็เดินทางมาจาก จ.ระยอง
...................

ตี 3 ของวันอาทิตย์ที่ 21
ก็ตื่นขึ้นมาทำอาหารเพื่อที่จะเลี้ยงพระ
เมนูเด็ดวันนั้นเห็นจะหนีไม่พ้น กุ้งแม่น้ำสดๆจากแม่น้ำเจ้าพระยา
เพราะแขกคนนึงที่ร่วมเดินทางไปด้วยเขามีอาชีพตกกุ้งธรรมชาติ
และก็มีอาหารทะเลที่มาจาก จ.ระยอง


บรรยากาศตอนเช้า
ที่วัดดาวเรือง ต.บ้านเม็ง อ.หนองเรือ จ.ขอนแก่น ครับ
ของที่ถวายก็มีผ้าไตรจีวร หนังสือสวดมนต์ ซีดี
และก็มียาหม่องน้ำที่ได้มาจาก พักสงฆ์เขาตะแบง อู่ทอง
และพระผงหลวงพ่อ เปิ่น อีกจำนวนหนึ่ง
ออกจากวัดดาวเรืองก็มุ่งหน้าสู่
วัดอรัญญวิโมกข์(วัดป่า)
ก็ตั้งอยู่ไกล้ๆกันกับวัดดาวเรืองนั่นเองครับ
...........
งานนี้ก็สำเร็จไปได้ด้วยดีเพราะมีกัลยาณมิตร
เพื่อนพ้องน้องพี่และครูอาจารย์ทั้งหลายช่วย
เงินที่เหลือจากการทำพระนี้ก็ได้นำไปถวายที่โรงพยาบาลสงฆ์
เมื่อปลายปี 2552 เป็นที่เรียบร้อยแล้วเก็บไว้นานไม่ได้ ครับ ร้อน...
งานนี้ จะเริ่มต้นด้วยความไม่เต็มใจและไม่สบายใจ
แต่ก็จบลงด้วยดีครับ
เพราะกลับกลายเป็นว่าทุกคนได้มีโอกาสทำบุญ
อุทิศหาบรรพบุรุษ ปู่ ย่า ตา ยาย และ ญาติๆทั้งหลาย
...................
ส่วนรายละเอียดทั้งหมดเกี่ยวกับการทำพระองค์นี้หาอ่านได้ที่
ครับ
..........