วันศุกร์ที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2553

พ.ต.อ.สมเพียร เอกสมญา

ไว้อาลัย"พ.ต.อ.สมเพียร เอกสมญา"

ด้วยเพลง"บันนังสตา" ของลูกชายผู้มีนามว่า "ชุมพล เอกสมญา"
เมื่อช่วงสิ้นปี 2552 - ต้นปี 2553 มติชนออนไลน์ได้จัดอันดับ "6 เพลงไทยแห่งปี"

และหนึ่งในนั้นก็มีเพลง "บันนังสตา"

โดย "ไวล์ด ซี้ด" หรือ "ชุมพล เอกสมญา" รวมอยู่ด้วย
อย่างไรก็ตาม มติชนออนไลน์ตัดสินใจนำเพลง "บันนังสตา"

ของชุมพลมาเผยแพร่อีกครั้งในวันที่ 12 มีนาคม 2553

หลังจากที่มีข่าวว่า พ.ต.อ.สมเพียร เอกสมญา ผู้กำกับ สภ.บันนังสตา จ.ยะลา

ซึ่งเคยทำเรื่องร้องเรียนต่อนายกรัฐมนตรี

เพื่อขอย้ายออกนอกพื้นที่เพราะหวังจะใช้ชีวิตราชการอีก 1 ปี

ที่เหลืออย่างปลอดภัย แต่กลับไม่ได้รับการตอบสนอง

ประสบเหตุถูกลอบวางระเบิดจนได้รับบาดเจ็บสาหัสและ

เสียชีวิตในเวลาต่อมา
"ชุมพล เอกสมญา" เล่าเรื่องราวไว้ในบทเพลงว่า

อำเภอบันนังสตาคือบ้านเกิดของเขา ที่สำคัญยิ่งกว่านั้นก็คือ

ชุมพลเป็นลูกชายที่สืบสายเลือดมาจาก "สมเพียร เอกสมญา"

พ่อลูกคู่นี้ต่างเป็นตัวแทนของคนที่มีความผูกพัน

ข้องเกี่ยวกับความรุนแรงในพื้นที่เหมือนกัน

คนหนึ่งเป็นเจ้าหน้าที่รัฐซึ่งทำงานในพื้นที่ชายแดนใต้

มาอย่างยาวนานจนต้องเสียชีวิตในหน้าที่

ส่วนอีกคนก็เป็นชายหนุ่มที่เติบโตมาในพื้นที่ดังกล่าว

และพยายามสะท้อนอารมณ์ความรู้สึกซึ่งปฏิเสธความรุนแรง

ออกมาในบทเพลงของตนเอง
ขอไว้อาลัย พ.ต.อ.สมเพียร เอกสมญา

ด้วยบทเพลงชื่อบันนังสตาโดยลูกชายของเขา

ชุมพล เอกสมญา มา ณ ที่นี้

(เนื้อหาและเพลงดังกล่าว มาจาก

มติชนออนไลด์ วันที่ 12 มี.ค. 2553)

วันจันทร์ที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2553

แท็ก ธรรมดา และกัลยาณมิตร



เช้าวันเสาร์ที่ 20 กพ. 2553 ตื่นแต่เช้าตรู่
ด้วยความรู้สึกที่อยากจะทำงานที่ยังคั่งค้างอยู่ให้แล้วเสร็จ
เพราะวันนี้จะเดินทางไกลห้าร้อยกว่ากิโลฯเพื่อจะนำพระไปถวายวัด
ตามที่ได้ตั้งใจไว้
แต่ก็บังเอิญว่ารถตู้ที่เช่าไว้นั้นเกิด สตาร์ทไม่ติดมาดื้อๆ
ทั้งๆที่รถคันนั้นก็ใช้เดินทางอยู่ทุกว้น
งานเข้าแต่เช้าเลยครับ...........
คนสิบกว่าคน พระอีก 2 ไหนจะของที่เตรียมไปถวายวัดอีก
จะทำไงกันดี ก็โชคดีครับ ที่มีคนให้รถกระบะมาอีก 1 คัน
ก็เลยรอดตัวมาได้อย่างไม่ลำบากมากนัก
ทางผ่านก็ต้องผ่านวัดสมเด็จโตองค์ใหญ่
ติดริมแม่น้ำเจ้าพระยา ก็เลยแวะสักการะ เป็นปรกติของผมอยู่แล้ว
ถ้ามีโอกาส

พอมาถึง อ. สีคิ้ว โคราชบ้านเอง
ก็ขาดไม่ได้ครับที่ต้องแวะวัดหลวงพ่อโตแห่งนี้
ทุกครั้งที่มีโอกาส ก็สวยงาม อลังกาล ครับ
คนศรัทธาสมเด็จโตองค์นี้มากจริงๆ
.............
กว่าจะถึงจุดหมายปลายทางก็
5 โมงเย็นครับ
...........มารู้สึกประทับใจก็ตอนที่จะเอาพระขึ้นไปพักไว้บนบ้านครับ
แม่บอกว่ายังก่อนต้องหาขันดอกไม้ธูปเทียนเชิญท่านขึ้นบ้านก่อน
ถึงตอนนี้ก็เริ่มตื้นๆที่หน้าอกมองดูคนแก่ผู้เป็น พ่อ-แม่
กับกิริยาอาการของการกราบพระอันเชิญพระขึ้นบ้านนั้น
มันช่างเป็นอาการที่เป็นชาวบ้านมาก นบนอบ หมอบกราบ พร่ำบ่น
บอกเทวดาฟ้าดิน ปู่ย่า ตา ยาย ผีบ้านผีเรือน
จากนั้นก็หาอาหารมาเลี้ยงแขกที่เดินทางมาไกลจาก กทม.
และบางส่วนก็เดินทางมาจาก จ.ระยอง
...................

ตี 3 ของวันอาทิตย์ที่ 21
ก็ตื่นขึ้นมาทำอาหารเพื่อที่จะเลี้ยงพระ
เมนูเด็ดวันนั้นเห็นจะหนีไม่พ้น กุ้งแม่น้ำสดๆจากแม่น้ำเจ้าพระยา
เพราะแขกคนนึงที่ร่วมเดินทางไปด้วยเขามีอาชีพตกกุ้งธรรมชาติ
และก็มีอาหารทะเลที่มาจาก จ.ระยอง


บรรยากาศตอนเช้า
ที่วัดดาวเรือง ต.บ้านเม็ง อ.หนองเรือ จ.ขอนแก่น ครับ
ของที่ถวายก็มีผ้าไตรจีวร หนังสือสวดมนต์ ซีดี
และก็มียาหม่องน้ำที่ได้มาจาก พักสงฆ์เขาตะแบง อู่ทอง
และพระผงหลวงพ่อ เปิ่น อีกจำนวนหนึ่ง
ออกจากวัดดาวเรืองก็มุ่งหน้าสู่
วัดอรัญญวิโมกข์(วัดป่า)
ก็ตั้งอยู่ไกล้ๆกันกับวัดดาวเรืองนั่นเองครับ
...........
งานนี้ก็สำเร็จไปได้ด้วยดีเพราะมีกัลยาณมิตร
เพื่อนพ้องน้องพี่และครูอาจารย์ทั้งหลายช่วย
เงินที่เหลือจากการทำพระนี้ก็ได้นำไปถวายที่โรงพยาบาลสงฆ์
เมื่อปลายปี 2552 เป็นที่เรียบร้อยแล้วเก็บไว้นานไม่ได้ ครับ ร้อน...
งานนี้ จะเริ่มต้นด้วยความไม่เต็มใจและไม่สบายใจ
แต่ก็จบลงด้วยดีครับ
เพราะกลับกลายเป็นว่าทุกคนได้มีโอกาสทำบุญ
อุทิศหาบรรพบุรุษ ปู่ ย่า ตา ยาย และ ญาติๆทั้งหลาย
...................
ส่วนรายละเอียดทั้งหมดเกี่ยวกับการทำพระองค์นี้หาอ่านได้ที่
ครับ
..........