วันอาทิตย์ที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2554

ในฝัน เหรียญ 3 รอบ ร.9

เหรียญ 3 รอบ ร.9


ตั้งใจจะเขียนบทความนี้มานานแล้วครับ


หนึ่งปีเต็มเห็นจะได้ถ้านับถึงวันนี้


ในโอกาสที่เดือนนี้ปีนี้ เป็นเดือนมงคลและปีมงคล


ก็เลยเอาซะหน่อย


เรื่องก็ไม่มีอะไรมากหรอกครับ


เหตูเกิดขึ้นตอนปลายปีที่แล้ว


ผมได้มีโอกาสทำงานให้กับทางสวนนงนุชพัทยา


ส่วนจะเป็นงานอะไรก็หาอ่านย้อนหลังได้ครับ


ช่วงที่ทำงานอยู่นั้นค่อนข้างจะเหนื่อย


กับการวิ่งซื้อของมาทำงาน


ก็มีอยู่อยู่วันหนึ่งเหนื่อยมากพอกลับบ้านมา


ก็กะว่าจะนอนพักนิดหน่อยแล้วค่อยอาบน้ำ


โดยเปิดโทรทัศน์แลวตั้วเวลาปิดทิ้งไว้


คงจะเป็นเพราะเสียงจากรายการข่าวโทรทัศน์และประกอบกับผมกำลังเพลีย


จึงทำให้ผมฝันไปว่ามีคนๆหนึ่งเขาไปทำงานที่ไหนไม่รู้


พอกลับมาอยู่บ้านก็มีพัสดุส่งมาให้


และทันทีที่เปิดซองออกดูก็เห็นเป็น


เหรียญ 3 รอบ ร.9


จบความฝันแค่นี้ครับ


ผมมารู้สึกตัวอีกทีก็เช้าแล้ว(แสดงว่าเมื่อคืนไม่ได้อาบน้ำ)


หลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จกำลังจะไปทำงาน


ก็ยังเล่าและถามคนที่บ้านเกี่ยวกับความฝัน


ก็ไม่ได้คำตอบอะไร


ช่วงเช้าวันนั้นหลังจากแจงงานเสร็จก็ออกไปซื้อของตามปรกติ


แต่อาการเพลียยังมีอยู่จึงหลบเข้าไปนอนพักที่บ้าน


เวลาผ่านไปพอสมควรก็ตื่นขึ้นมาพร้อมกับชงกาแฟ


เตรียมตัวออกไปทำงานในช่วงบ่าย


ในขณะนั้นเองที่แม่บ้านเดินลงมาจากบนชั้นสอง


ยื่นของในมือให้พร้อมกับพูดว่าเอาไว้ติดตัว


แว๊บแรกที่เห็นผมก็พูดขึ้นว่า


เอามาทำไมอีกในรถมีแล้ว


(เพราะผมเข้าใจว่าสิ่งนั้นเป็นเหรียญหลวงพ่อโสธร)


ต่อเมื่อหยิบมาดูใกล้ๆถึงกับขนลุก


เพราะในมือของผมคือเหรียญ 3 รอบ ร.9


ซึ่งเหมือนกันกับในฝันเมื่อคืนไม่มีผิด


ด้วยเหตุนี้ผมจึงพกเหรียญ 3 รอบ ร.9ติดตัวประจำ


นี่กระมังที่เขาเรียกว่าเหรียญในฝัน


เหรียญนี้เป็นเหรียญที่ถูกใช้งานมาจริงจากเจ้าของเดิม


สภาพจึงไม่ค่อยเต็มร้อย แต่ก็ประมาณ85%ขึ้นครับ


............


ก่อนจบบทความนี้ก็ต้องบอกก่อนนะครับว่า


เหรียญที่นำมาโชว์กับเหรียญที่ผมมี คนละอันกันครับ


.......................


ของที่ผมฝันเห็นก่อนได้มาครอบครองยังพอมีอีกครับ


ส่วนจะเป็นอะใรนั้นก็ว่างๆจะหาโอกาสนำเสนอต่อไป


..................

วันศุกร์ที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2554

แท็ก ธรรมดา และกัลยาณมิตร

แท็ก ธรรมดา และกัลยาณมิตร

หลังจากที่นำพระพุทธรูปองค์นี้ไปถวาย ณ วัดป่าที่ จ.ขอนแก่น

ก็ครบปีแล้วครับ

แต่ก็มีพี่คนนึงถามบ่อยมาก ว่า
จะไปอีกเมื่อไหร่

ผมก็เฉยๆ แต่พอพี่แกถามบ่อยเข้า ถี่เข้า

ก็ถึงมาบางอ้อครับว่า

พี่เขาไปขอลูกสาวไว้กับหลวงพ่อหินซึ่งตั้งอยู่ด้านหลังในภาพนะครับ

ผ่านมาจนครบปีแล้วยังไม่ได้ไปแก้บนเลย

ประกอบกับที่ผมกำลังหารถเพื่อนำพระกลับไปถวายที่บ้านพอดี

ก็เข้าล็อคครับ ไม่ต้องเหมารถด้วย

ได้ทั้งธุระเขาและธุระเราในงานเดียวกัน

ถึงตอนนี้ก็ผ่านราบรื่นไปได้ด้วยดีเกือบทุกเรื่องครับ

สวัสดี

..........

วันเสาร์ที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2554

พล่าม

พระวิษณุกรรม



พระวิษณุกรรม




ผมเรียนที่โรงเรียนเพาะช่างครับ

จึงขอนำพ่อครูพระวิษณุกรรมมาเป็นประธานในการพล่ามครั้งนี้

เพราะปกติผมจะแขวนพระวิษณุกรรมรุ่น90ปีเพาะช่างนี้ตลอด

ถ้าผมผิดจริงตามที่รุ่นพี่กล่าวหา ครูบาอาจารย์ก็คงลงโทษผมเองแหละครับ

แต่ถ้ามันไม่ใช่อย่างที่ว่า ก็แล้วแต่ครูบาอาจารย์จะจัดสรรค์ ตัวใครตัวมัน

ลูบหน้า มันก็ต้องปะจมูก หยิกเล็บ มันก็ต้องเจ็บเนื้อ เป็นธรรมดา
เล่นสาดน้ำ มันก็ต้องเปียกกันทั้งสองข้าง

และขออภัย หากทำให้รุ่นพี่หรือใครหลายคนของขึ้น

เพราะผมไม่สามารถทำให้ทุกคนพอใจในเรื่องเดียวกันเวลาเดียวกันได้

และถึงทำได้ผมก็ไม่เห็นความจำเป็นต้องทำ

.......


๏ พระสมุทรสุดลึกล้น
คณนา
สายดิ่งทิ้งทอดมา
หยั่งได้
เขาสูงอาจวัดวา
กำหนด
จิตมนุษย์นี้ไซร้
ยากแท้หยั่งถึง๚ะ๛
.........


ก่อนสงกรานต์นิดหน่อย ฝันเห็นหมาเดินสองขาทำงานได้

ด้วยความที่มีประสพการณ์ในฝันเรื่องแบบนี้มาบ้าง


ก็เลยนั่งนึกย้อนกลับไปดูว่าเราไปทำอะไรหรือสร้างศัตรูกับใครหรือเปล่า

ถึงมีคนคิดให้ร้ายกับเรา....... ถึงได้ฝันอย่างนี้ นึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก

ในขณะที่กำลังจะออกไปทำงาน ก็มีโทรศัพท์ทางไกลจากเพื่อน เข้ามาพร้อมกับเล่าว่า

เขาไปรู้จักกับคนๆหนึ่งทำงานใกล้ๆกัน คุยกันไปมาก็เลยถามว่า


รู้จักคนชื่อ "ซี่ไหม ?" เท่านั้นแหละครับ


พี่แกหลุดออกมาแบบไม่ยั้งครับ บรรยายสรรพคุณของผมได้หมดละเอียดถี่ยิบ


เพื่อนมันก็เลยโทรมาถามว่าผมไปทำอย่างที่เขาว่าหรือเปล่า

ด่า อาจารย์ จริงหรือเปล่า

แถมยังบอกว่าถ้าผมไปด่าอาจารย์จริงๆละ โครต...........สุดๆเลย

เออ....... เราก็ฝันแม่นเหมือนกันนี่หว่า

(ความฝันเกี่ยวกับหมาไล่กัด ไล่เห่า เกี่ยวกับหมาๆทั้งหลายไว้มีเวลาจะแยกออกไปอีกบทความหนึ่ง)

..............

๏ ปลาร้าพันห่อด้วย

ใบคา
ใบก็เหม็นคาวปลา

คละคลุ้ง
คือคนหมู่ไปหา

คบเพื่อน พาลนา
ได้แต่ร้ายร้ายฟุ้ง

เฟื่องให้เสียพงศ์๚ะ๛
....

๏ ใบพ้อพันห่อหุ้ม

กฤษณา
หอมระรวยรสพา

เพริศด้วย
คือคนเสพเสน่หา

นักปราชญ์
ความสุขซาบฤาม้วย

ดุจไม้กลิ่นหอม๚ะ๛

....
๏ แม้นทำคุณท่านได้
ถึงพัน
ครั้นโทษมีแต่อัน
หนึ่งไซร้
ติฉินหมิ่นคำหยัน
เยาะกล่าว
กลบลบคุณหลังได้
ถึงด้วยพันทวี ฯ
.........
๏ ทำคุณท่านห่อนรู้
คุณสนอง
ท่านบ่แทนคุณปอง
โทษให้
กลกาแต่งยูงทอง
ลายเลิศ
ยูงเอาหมึกหม้อไล้
ลูบสิ้นสรรพางค์

........


เอาหล่ะเรื่องมันก็ผ่านมา 3 ปีแล้ว

พี่แกยังให้เกียรติ คิดถึงผมอยู่ กลัวผมอยู่ แสดงว่าเรื่องนี้มันขายได้


เรื่องที่ผมด่าอาจารย์จริงหรือเปล่า พี่แกเองก็รู้คำตอบในใจแกเองดีที่สุด

ทุกคนที่ทำงานร่วมกันกับผมมาก็รู้เรื่องนี้ดีและก็มีเสียงเตือนตลอด

ไม่ว่า ขาว, ขวัญ,เดี่ยว,วุธ,บอย, เจ


ทุกคนจะบอกเป็นเสียงเดียวกันหมดว่า


ถ้าพวกเราทำงานได้เท่ากันกับพวกพี่ๆพวกนั้น


แล้วมันจะมีใครกล้าจ้างพวกเราทำงานมั๊ย


แล้วยังบอกว่าตัวผมเองก็ต้องระวัง


เหลือผมคนเดียวที่ยังไม่โดน งานเสร็จ ไม่แน่


หรือ ไอ้ทศ คนร่างอ้วน คนนี้รู้ดีสุดแสบสุด

ไม่นับเอา พี่รุ่ง และพี่อาจาน

เพราะเป็นคนนอก( แต่ก็เป็นคนที่โดนกล่าวหาร่วมกับผม)

.............


๏ ใครทำโทษโทษนั้น
แทนทด
ใครคิดจิตคดคด
ต่อบ้าง
ใครจริงจึ่งจริงจรด
รักต่อกันนา
ใครใคร่ร้างเร่งร้าง
รักร้างแรมไกล ฯ

๏ นายรักไพร่ไพร่พร้อม
รักนาย
มีศึกสู้จนตาย
ต่อแย้ง
นายเบียนไพร่กระจาย
จากหมู่
นายบ่รักไพร่แกล้ง
ล่อล้างผลาญนาย ฯ

..........

ทีนี้ทำไมผมบอกว่า เรื่องผมด่าอาจารย์ มันขายได้และก็ขายมา 3 ปีแล้ว

เรื่องนี้มันเลยจุดที่ จริง หรือไม่จริงแล้วครับ

ไม่มีความสำคัญหรือจำเป็นใดๆต้องตอบ อธิบาย หรือแก้ตัว


แค่เข้าใจพื้นฐานตัวพี่เขาก็น่าจะพอ

ต้องทำความเข้าใจและเห็นใจพี่เขาอย่างมากครับ

จึงจะเข้าใจเรื่องนี้

..............

ตัวพี่เขาเองนั้นหาจุดยืนหรือวางตัวลำบากมาก

เพื่อนร่วมรุ่นเดียวกัน ก็มีวิชาความรู้ หน้าที่การงานก็มั่นคงใหญ่โต

ปีกกล้าขาแข็งหมด แล้วตัวพี่เขาหล่ะ ?.....ทำอะไรเป็นบ้าง

ไอ้การที่จะทำงานอยู่ที่โรงงานอาจารย์

ก็ทำงานสู้เด็กรุ่นน้องไม่ได้ วันแรกเจอหน้ากันพี่แกยังยกมือไหว้ผมเลยครับ


ทำงานไม่เป็นชิ้นเป็นอัน เกะกะระราน คนอื่นไปทั่ว


แถมยังทำให้งานช้าโดนด่ากันยกชุด

รู้ปัญหาทุกอย่างแต่ไม่รู้อย่างเดียวว่า


แล้วจะแก้ปัญหาอย่างไร

ถามว่างานไหนพี่แกทำ ก็หาเจอยากอยู่หรอกครับ

ส่วนมากแกจะไปแปะกับคนนั้นที คนนี้ที สารถีคืองานหลัก


ก็เห็นแกพยายามจะพัฒนาตัวเองอยู่เหมือนกัน


แต่ที่นี่มันมีแต่พวกมืออาชีพ ผ่านงานมาโชกโชน

พี่แกเลยลำบากหน่อย

อีกสาเหตุหนึ่งคงมาจากหนุ่มร่างอ้วนที่ชื่อ ทศ นี่แหละครับ คนนี้แสบสุดๆ

คอย ยุยง ปลุกปั่นพี่แก บางทีก็ทะเลาะกัน บางทีก็ดูดปากกัน

ตามประสาคนไม่มีอะไรจะทำ

อาศัยว่าตัวเองเป็นคนสนิทของนายเป็นคนเก่าคนแก่ไม่มีใครว่าได้

พร้อมกับชอบพูดว่า "รู้มั๊ยมึงกับกูนายจะเลือกใคร"

(ความหมายที่มันซ่อนอยู่ระหว่างบันทัด ก็หาเอาเองนะครับ)

ทีนี้พอเรื่องนี้มันเกิดขึ้นมา ก็กลับกลายเป็นผลดีกับผมมาก


ต้องขอขอบคุณ พี่แกทั้งสองไว้ ณ โอกาสนี้ด้วย


เพราะ


ตา ผมได้ดู

หู ผมก็ได้ฟัง

ตัวผมเองก็เอาตัวเข้าไปสัมผัส ทำงานรับใช้มาก็ประมาณ 5 ปี

แต่พอพี่แกหวลกลับมาไม่กี่วันก็นำหายนะมาสู่องค์กร


แค่นี้ก็คงพอเพียงที่จะเรียนรู้คน เรียนรู้งาน

เรียนรู้สันดานของคนแต่ละคน หลายๆคน หลายๆฐานะ หลายๆอาชีพ

และเรียนรู้ที่จะจัดการชีวิตตัวเอง ต่อยังไง


มันได้พิสูจน์อะไรๆหลายอย่างในองค์กรที่ผมทำงาน
ทำให้ผม หู-ตาสว่างขึ้นมาก


หากย้อนกลับไป


ถ้าไม่เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น ผมก็ต้องทำงานเป็นลูกน้องเขาจนตาย

คงไม่มีโอกาสลืมตาอ้าปากแน่

โลกยังกว้าง ทางยังไกล


ไปสร้างรอยเท้าใหม่ดีกว่าเดินตามรอยตีนคนอื่น

....................

สำหรับพี่ท่านก็ตามสบายนะครับถ้าเรื่องนี้มันขายได้ก็

ขายไปเถอะ ผมไม่รู้จะไปเอาอะใรกับพี่แก

โชคดีนะพี่ ตั้งใจทำงานส่งเงินกลับบ้านให้ลูก-เมียบ้างนะ

ความรู้ก็น้อย ฝีมือยิ่งด้อยเร่งๆเข้านะพี่ อายุก็มากแล้ว

หายใจทิ้งไปวันๆ ผมกับพี่ก็ตายจากกันแล้ว

เอาเวลาจับผิดคนอื่นมาทำงานมาศึกษาพัฒนาฝีมือดีกว่า

เรียนรู้งานจากคนรอบๆตัวนั่นแหละ

ประสพการณ์ของเพื่อนๆพี่ หรือรุ่นน้องๆพี่เป็นครูสอนพี่ได้สบายๆ

พักเอาความรู้สึกว่าเพื่อนกูและกูเด็กนายออกไป

แล้วทำตามที่เขาแนะนำสั่งสอนได้เมื่อไหร่

พี่ค่อยเอารอยนิ้วมือพี่มาเทียบกันกับผม

แล้วผมจะรอ..... โชคดีพี่

อย่ากลัวการพิสูจน์ความจริงก็แล้วกัน นะพี่


ชีวิตนี้ไม่มีความจำเป็นต้องเอามือไขว้หว่างขายืนก้มหน้าก้มตาประจบใคร


.............................

วันเสาร์ที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2554

ครุฑ

ครุฑ

เรื่องมันมีว่า นานๆจะเก็บกวาดบริเวณที่ทำงานซักครั้ง

ก็ไปเจอเอาครุฑที่หล่อทิ้งไว้นานแล้ว ซุกอยู่ในมุมตู้ข้างๆตัว

ก็เลยนึกได้ว่าเป็นครุฑตัวที่จะหล่อส่งลูกค้า

แต่ว่าหล่อเสียไม่สมบูรณ์ ไอ้การจะนั่งซ่อมก็เสียเวลา

ก็ทิ้งไว้ก่อน

มาวันนี้ก็ซ่อมแซมซักหน่อย

ระเลงสีอีกนิด ก็ได้งานไว้ตั้งในตู้โชว์อีกอัน



ครุฑ

หลังจากนี้ก็ปิดผ้าสักหลาดด้านหลัง

และ คงจะหาพลอยสีมาประดับ เพิ่มความงานอีกหน่อยครับ

............

เคยมีคนทักผมว่าไม่ถูกกับครุฑ ไม่ควรบูชาครุฑ

และไม่ควรมีครุฑในบ้าน ก็เขวไปพักหนึ่งครับ

แล้วทำไงดี

การที่มีครุฑหรือรูปปั้นอื่นในบ้านหรือที่ทำงาน

มันเป็นเรื่องปกติของคนปั้นงานอยู่แล้ว

และถ้าไม่ถูกกับครุฑจริง จะมีครุฑมาให้ปั้นทำไมเยอะแยะ

แต่พอมานั่งนึกถึงหน้าคนที่ทัก แล้วก็ทำใจครับ

หน้าต้อ คอสั้น หนังหนา หน้าผากแคบ ผมหยิกหยอย

ต้องโกนผมข้างหน้าขึ้นเป็นนิ้ว

แล้วใช้ที่คาดผมคาดเปิดหน้าอีกที

นอกเรื่องมาซะยาว

วันนี้พอแค่นี้ครับ

........

วันพฤหัสบดีที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2554

พระพุทธรูป

ทันที่ที่ว่างจากงานแกะโฟม พระปรางค์วัดอรุณฯ
ของสวนนงนุช เพื่อที่จะไปร่วมแสดงในงาน เชลซี ฟลาวเวอร์ โชว์
ณ ประเทศอังกฤษ
เสร็จก็อาศัยช่วงนี้แหละครับที่จะได้สะสางงานเก่าที่รับปากผู้ใหญ่ไว้เมื่อปีที่แล้ว
ว่าจะทำพระพุทธรูปให้องค์หนึ่ง

ก็อาศัยจังหวะนี้ซะเลย
กะไว้ว่าจะแล้วเสร็จภายในเดือน มีนาคม 2554
นี้แหละครับ
ส่วนจะไปถวายวัดไหน
วันเวลาที่แน่นอนเมื่อไหร่ตัวผมเองก็ยังไม่รู้ครับ
ทำตามงบที่ให้มา
คงอีกไม่นานครับ คงทีโอกาสนำความคืบหน้ามาลง
ในบทความอีกที
รวมถึงขั้นตอนการทำแม่พิมพ์ยางซิลิโคน
และการหล่อมาพอเป็นพิธี
สำหรับวันนี้พอแค่นี้ครับ
สนใจเรื่องอื่นๆก็คลิ๊กที่ลิ๊งค์บทความข้างๆครับ
...........